Control
Structure
การควบคุมโปรแกรมให้ทำงานได้ตามต้องการ
เราจำเป็นต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างควบคุมของการเขียนภาษาโปรแกรม
ประกอบด้วย
- ลำดับการทำงาน (Sequence)
- ทางเลือก (Selection)
- การวนซ้ำ (Iteration)
ลำดับการทำงาน (Sequence)
คือ โครงสร้างแสดงขั้นตอนการทำงานที่เป็นไปตามลำดับก่อนหลัง และแต่ละขั้นตอนจะถูกประมวลผลเพียงครั้เดียวท่านั้น สามารถแสดงการทำงานของโครงสร้างนี้
แบบทางเลือก (Selection)
คือ โครงสร้างที่มีเงื่อนไขขั้นตอนการทำงานบางขั้นตอนต้องมีการตัดสินใจเพื่อเลือกวิธี การประมวลผลขั้นต่อไป และจะมีบางขั้นตอนที่ไม่ได้รับการประมวลผล การตัดสินใจอาจมีทางเลือกทางเดียวหรือโครงสร้างที่มีทางเลือก 2 ทาง เราเรียกชื่อว่าโครงสร้างแบบ if…then…else และโครงสร้างที่มีทางเลือกมากกว่า 2 ทาง เราเรียกชื่อว่า โครงสร้างแบบ case ซึ่งสามารถแสดงการทำงานของโครงสร้าง
การวนซ้ำ (Iteration)
คือ โครงสร้างที่ขั้นตอนการทำงานบางขั้นตอนได้รับการประมวลผลมากกว่า 1 ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขบางประการ โครงสร้างแบบทำซ้ำนี้ต้องมีการตัดสินใจในการทำงานซ้ำ และลักษณะการทำงานของโครงสร้างแบบนี้มี 2 แบบ ได้แก่ แบบที่มีการตรวจสอบเงื่อนไขในการทำซ้ำทุกครั้งก่อนดำเนินการกิจกรรมใดๆ ถ้าเงื่อนไขเป็นจริงจะทำงานซ้ำไปเรื่อยๆ และหยุดเมื่อเงื่อนไขเป็นเท็จ เรียกการทำงานลักษณะนี้ว่า การทำซ้ำแบบ do while และแบบที่ทำกิจกรรมซ้ำเรื่อยๆ จนกว่าเงื่อนไขที่กำหนดเป็นจริงแล้วจึงหยุดการทำงาน โดยแต่ละครั้งที่เสร็จสิ้นการดำเนินการแต่ละรอบจะต้องมีการตรวจอบเงื่อนไข เรียกการทำซ้ำลักษณะนี้ว่า การทำซ้ำแบบ do until ผังงานแสดงขั้นตอนการทำงานของโครงสร้างแบบทำ
ตัวอย่างโปรแกรมภาษา JAVA
While(เงือนไข){ Statement; }
คำสั่ง while loops จะทำการทดสอบเงื่อนไขก่อน ที่จะทำงาน ถ้าเงื่อนไขเป็นจริงจึงจะทำงานภายใน loop ถ้าเงือนไขไม่เป็นจริงจะไม่เข้าทำงาน
ตัวอย่าง เช่น


- คำสั่ง do while loop
รูปแบบ
do{ statement; }while(เงื่อนไขจบการทำงาน);
คำสั่ง do while จะมีความแตกต่างจาก while loop ตรงที่คำสั่ง do while จะทำงานใน loop หนึ่งครั้งก่อนเสมอ ก่อนที่จะทำการทดสอบ
ตัวอย่าง
รูปแบบ
do{ statement; }while(เงื่อนไขจบการทำงาน);
คำสั่ง do while จะมีความแตกต่างจาก while loop ตรงที่คำสั่ง do while จะทำงานใน loop หนึ่งครั้งก่อนเสมอ ก่อนที่จะทำการทดสอบ
ตัวอย่าง

- คำสั่ง for loop
รูปแบบ
for(index=part1;part2;part3){ statement; }
Part1 คือ กำหนดค่าเริ่มต้น
Part2 คือ เงื่อนไขการทำงาน
Part3 คือคำสั่งที่ใช้ในการเปลี่ยนค่าตัวแปร
คำสั่ง for จะเป็นการกำหนดจำนวนครั้งในการทำงานโดยจำนวนครั้งจะขึ้นอยู่กับตัวแปร index คือค่าของ index จะต้องตรงตามเงื่อนไขการทำงน
ตัวอย่าง
รูปแบบ
for(index=part1;part2;part3){ statement; }
Part1 คือ กำหนดค่าเริ่มต้น
Part2 คือ เงื่อนไขการทำงาน
Part3 คือคำสั่งที่ใช้ในการเปลี่ยนค่าตัวแปร
คำสั่ง for จะเป็นการกำหนดจำนวนครั้งในการทำงานโดยจำนวนครั้งจะขึ้นอยู่กับตัวแปร index คือค่าของ index จะต้องตรงตามเงื่อนไขการทำงน
ตัวอย่าง

